Firesmith of Lava-Forging

สำหรับตระกูล Firesmith การประดิษฐ์อาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นทั้งหน้าที่ของพรสวรรค์ และคำสาปอันน่าสะพรึง ตั้งแต่ที่ตระกูล Firesmith ถูกปล่อยตัวและมายัง Warforge พรสวรรค์ของพวกเขาก็ได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่ และเริ่มปนเปื้อนกลิ่นอายของการทำลายล้างด้วย แสงจากเตาหลอม และประกายไฟจากการขึ้นรูปเป็นเวลานานจนชิ้นงานกลายเป็นอาวุธชั้นดีนั้น ทำให้ตาพร่าและส่งผลให้ Firesmith สูญเสียการมองเห็น Foy เคยพบ Obsidian Flame Crystal หายากที่เชิงภูเขาไฟ เขาจึงนำกลับมาขัดให้เป็นแว่นถนอมสายตาอย่างระมัดระวัง เมื่อใส่แว่นนี้แล้ว ประกายไฟที่ร้อนแรงก็จะกลายเป็นเพียงเงาซีดจาง แต่ช่างผู้โลภมากก็ไม่อาจหลีกหนีชะตาต้องคำสาปของตนได้ เขาสูญเสียทุกอย่างไปในเปลวเพลิงนั้น Foy มองว่ากองทัพ Antimatter ใน Warforge เป็นวัสดุหลอม ส่วนตนนั้นเป็นเปลวไฟที่ลุกโชน "เป็นไปได้มั้ยที่จะเปลี่ยนปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ให้เป็นเตาหลอมของฉัน" Foy พยายามค้นหาวิธีเพิ่มขีดจำกัดเปลวไฟของเตาหลอม และทำลายมันด้วยปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ที่ไม่สามารถควบคุมได้

เตาไฟที่มีความร้อนสูงถึง 900 องศา สามารถเปลี่ยนดินเหนียวให้เป็นเครื่องเคลือบได้ และไฟที่มีความร้อนสูงถึง 1000 องศาก็สามารถหลอมทองแดงและดีบุกได้... ยิ่งเป็นวัตถุเนื้อแท้ยิ่งต้องใช้อุณหภูมิสูงขึ้น สิ่งมีชีวิตจากกองทัพปรารถนาที่จะละทิ้งการเป็นเพียงสสาร และอธิษฐานขอเปลี่ยนรูปร่างใหม่ ซึ่งมีเพียงคลื่นความร้อนจากการทำลายล้างเท่านั้น ที่จะทำให้มันเป็นจริงได้ ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ สามารถทำให้อุณหภูมิของเปลวไฟสูงขึ้นจนไม่อาจจินตนาการได้ การแผ่รังสีสีดำของเปลวไฟจะทำให้เกิดแสงสีน้ำเงิน เหมือนดาวฤกษ์ที่กำลังจะดับสูญ Firesmith นั้นมีพรสวรรค์ในการควบคุมเปลวไฟ แต่มีแค่ผู้ที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับ "แหวนแห่งเปลวไฟ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของปรมาจารย์แห่งช่างตีเหล็ก Warforge ไม่แบ่งแยก Firesmith กับวัสดุหลอมมานานแล้ว เหล่าปรมาจารย์แห่งช่างตีเหล็กที่หลอมสิ่งมีชีวิต Antimatter ก็เป็นส่วนหนึ่งของอาวุธทำลายล้างเช่นกัน "การตีขึ้นรูปนั้นถูกกำหนดโดยอุณหภูมิ และอุณหภูมิก็ถูกกำหนดโดยช่างตีเหล็ก" สำหรับบรรดา Firesmith ผู้เชี่ยวชาญในศิลปะแห่งการทำลายล้างแล้ว นี่คือเรื่องจริงแท้แน่นอน

กองทัพ Antimatter ได้มอบ "Warforge" ที่ดับสูญไปแล้วให้กับ Firesmith เพื่อให้พวกเขาหลอมสิ่งที่ต้องการได้อย่างอิสระในโลกแห่งเปลวเพลิง ในโลกที่มีลาวาร้อนแรงแผดเผา ตราบใดที่การเหวี่ยงค้อนหลอมยังไม่หยุดยั้ง การถือกำเนิดและการทำลายล้าง ก็ไม่ใช่สองสิ่งที่อยู่คู่ขนานกันอีกต่อไป Surtur เชี่ยวชาญในการใช้ลาวาจากภูเขาไฟ เพื่อมอบพลังทำลายล้างให้กับสิ่งมีชีวิตของกองทัพ ต่อให้เป็นก๊าซพิษร้อนระอุหรือลาวาที่เดือดพล่านเป็นลูกคลื่น ก็ไม่สามารถทำลายความสนใจที่หนักแน่นของ Surtur ได้ แม้ว่าความร้อนจะกระเด็นมาโดนผ้ากันเปื้อนของ Surtur ซึ่งทำมาจากหนังของ Giant Firelizard ที่สามารถกันไฟได้ก็ตาม พอลาวามอดดับลง ผิวของผ้ากันเปื้อนก็จะยังคงความเงาเสมือนใหม่อยู่ดี พลังในการต่อสู้ของกองทัพจำนวนมหาศาล ถูกตีหลอมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในเตา จนกระทั่งเนื้อของมันรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธภายใต้ค้อนของ Firesmith จนกลายเป็นอาวุธแห่งการทำลายล้างขึ้นมา "พลังแห่งการทำลายล้างที่ไม่มีใครเทียบได้..." เหล่าช่างตีเหล็กผู้ควบคุมไฟ ไม่เคยปิดบังความปรารถนาด้านมืดที่พวกเขาฝังลงไปในอาวุธเลย

ในอดีต เจ้าของเรือนจำกลัวว่าจะสูญเสียเทคนิคตีเหล็กที่ไม่เหมือนใครในโลกนี้ไป จึงต้องใช้กลอุบายชั่วร้ายมาผูกมัดตระกูล Firesmith ไว้... ในช่วงหลายปีที่ถูกจองจำ หัวหน้าตระกูล Firesmith ทุกคนต่างก็ถูกทำให้ช่วงขาผิดปกติกันทั้งนั้น เจ้าแห่งการทำลายล้างได้ปลดปล่อยตระกูล Firesmith ที่ถูกคุมขังออกมา และตราแห่งการทำลายล้างก็ได้มอบพลังอันไร้ขอบเขตให้กับเหล่า Firesmith หลังจากที่ออกมาจากห้องขังแล้ว หัวหน้าตระกูล Firesmith ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนกับคนทั่วไป ถึงอย่างนั้น เขาก็ได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง ทั้งยังไม่ต้องถูกคุมขังเพราะมีความสามารถที่น่าทึ่งอีกแล้ว หัวหน้าตระกูลระบายความเกลียดชังและความอัปยศอดสู ลงไปในการตีเหล็กติดต่อกันหลายวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สิ่งมีชีวิต Antimatter ที่ทั้งดื้อรั้นและหยิ่งยโสถูกหลอมตีครั้งแล้วครั้งเล่า พวกมันจึงต้องเปลี่ยนรูปร่าง และยอมจำนนต่อการเปลี่ยนแปลงที่ผู้พิฆาตมอบให้ แม้ว่าเรือนจำจะไม่ปรากฏให้เห็นอีกต่อไป แต่ความคลั่งไคล้ของ Firesmith ที่มีต่อการหล่อหลอมนั้น ก็เหมือนกับคุกประเภทหนึ่ง "เลือดเนื้อเป็นภาระ และการหลอมก็คือการทำลายล้าง" หัวหน้าตระกูลมองเห็นช่างตีเหล็กที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยความทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้