
Hero of Triumphant Song
2 Piece Set
ATK เพิ่มขึ้น
4 Piece Set
เมื่อภูตความทรงจำของผู้สวมใส่ อยู่ในการต่อสู้ ความเร็วของผู้สวมใส่ จะเพิ่มขึ้น
Relic Pieces

Hero's Wreath of Championship
HEAD
เวลาราวกับเดินช้าลงเมื่อ Oronyx ถอนหายใจ เขาได้ยินเสียงหายใจอันหนักหน่วงของตัวเอง กระดูกซี่โครงตรงหน้าอกแอบเจ็บแปลบ ราวกับจะสูดอากาศทุกตารางนิ้ว ในสนามประลองเข้าปอดให้หมด... หยาดเหงื่อและเลือดไหลปะปนกัน พื้นดินใต้เท้าล่อลวงให้เขาล้มเลิก แล้วไปเพลิดเพลินกับการพักผ่อน ที่แสนนุ่มนวลและสุดสบายนั้นแทน... เขาเหนื่อยจนหมดแรงแล้ว "ครั้งต่อไปฝ่ายไหนจะโจมตี? ทางซ้ายหรือขวา? จะหลอกโจมตีหรือว่า..." ปลายหอกพุ่งเข้าจู่โจม เขาไม่มีเวลาให้คิดแล้ว จึงฝากโชคชะตาไว้กับไททันแห่งปฏิปักษ์แทน ส่วนตัวเอง ก็แค่ต้องแทงหอกไปข้างหน้าเท่านั้น ฝุ่นควันค่อยๆ จางลง แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาจากนอกสนามประลอง และกระทบกับใบหน้าด้านข้างของเขา เหล่าผู้ชมบนอัฒจันทร์พากันลุกขึ้นยืน เสียงปรบมือและเสียงร้องกู่ร้อง ดังกระหึ่มราวกับคลื่นซัดสาด เวลานี้เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่า สนามประลองกลับดูกว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ความเครียดที่ไร้ทางหนีราวกับหายไปจนหมดสิ้น ตรงกลางสนามอันกว้างใหญ่หลงเหลือเพียงกองเลือด คู่ต่อสู้ที่ล้มลง กับผู้ชนะที่โดดเดี่ยวและเปล่งประกายเจิดจรัสเท่านั้น เจ้าเมืองชูมือขึ้น เพื่อประกาศผู้ชนะ จากนั้นเสียงกลองก็ดังตามมา เขาสวมมงกุฎช่อใบไม้ และกลายเป็นตำนานของสนามประลอง "ท่านถูกเลือกให้เป็นผู้กล้าบัญชาการรบข้างกายเจ้าเมือง ชื่อและชัยชนะของท่าน จะถูกจารึกไว้ด้วยกันในมหากาพย์วีรชน!" หลังจากนี้ ชื่อของเขาจะถูกกล่าวขานไปทั่วเมือง เกียรติยศของ Nikador จะปกคลุมตัวเขาไว้ ราวกับว่าโลกทั้งใบมีอยู่เพื่อเขา

Hero's Gilded Bracers
HAND
ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่หรือความพ่ายแพ้ยับเยิน ผู้ชนะแห่งสนามประลอง ก็มักจะสามารถกลับมาจากสนามรบได้เสมอ เจ้าเมืองมองว่าความดวงแข็งของเขาคือ "สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ" จึงริบหอกและโล่ที่อยู่ในมือของเขาไป แล้วให้เขาถือแตรและธงรบแทน จากนั้นสั่งให้เขามอบความดวงแข็งของเขาให้แก่กองทัพ เหล่าทหารต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่า เกียรติยศของ Nikador นั้นร่วมเดินทางไปกับเขา ขอเพียงเขานำทางไปข้างหน้า ก็ย่อมเป็นเส้นทางแห่งชัยชนะอย่างแน่นอน "นับจากนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นนักรบอีกต่อไป แต่ควรเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งมากกว่า" ร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน จนแข็งแกร่งดุจหินเหล็ก ปัจจุบันกลับมีไว้ให้เชยชม เฉกเช่นรูปปั้นในวิหาร เขาถูกกันให้อยู่นอกค่ายฝึกเพื่อเตรียมรบ เพราะเหล่าทหารกลัวว่า "สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ" จะประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยต่างๆ เขาได้รับเชิญให้มางานเลี้ยงของเจ้าเมือง เหล่าแขกเหรื่อต่างสอบถามถึง ตำนานการต่อสู้เดิมพันชีวิตทั้งสิบหกครั้งนั้น แต่ปัจจุบัน เขากลับยืนถือแตรสัญญาณอยู่ริมสนามรบ เกราะแขนที่เปล่งแสงสีทองระยิบระยับ ส่องสะท้อนใบหน้าด้านข้างที่ดูแปลกตาขึ้นเรื่อยๆ หัวใจรู้สึกบีบรัดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้... เขาเพียงแค่เป่าสัญญาณแห่งชัยชนะ และไม่จำเป็นต้องบุกตะลุยโจมตีศัตรูอีกต่อไป... ที่แท้นี่ก็คือ "วีรบุรุษที่ไม่ต้องรบ" อย่างที่ผู้คนพูดถึงกันนี่เอง "...หากสิ่งนี้สามารถนำชัยชนะมาสู่กองทัพได้ ข้าก็ยินดีสละเกียรติยศในสนามรบ" Nikador ไม่เคยเลือกเส้นทางสู่ชัยชนะเพื่อ "สัญลักษณ์" เพียงอย่างเดียวมาก่อน เขาจึงไม่กล้าเกียจคร้าน เพราะบางที สงครามครั้งสุดท้ายของชีวิตนี้อาจจะกำลังมาถึงก็ได้...

Hero's Gallant Golden Armor
BODY
การเผชิญหน้ากับเทพเจ้าที่ตกอยู่ในความบ้าคลั่ง ถูกกำหนดไว้แล้วว่า จะไม่มีใครจากไปในฐานะผู้ชนะได้ ทุกที่ที่คมดาบของ Nikador เฉียดผ่าน หอกพลันหักพัง โล่ปลิวกระจาย แนวรบพังทลายไปทีละส่วน... เหล่าทหารที่สูญเสียระเบียบ ต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล และความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงแตรของวีรบุรุษแห่งสนามประลอง ถูกกลบด้วยเสียงร้องตะโกน เสียงร้องคร่ำครวญ และเสียงก้องกังวานของเหล็กที่กระทบกัน ไร้กำลังจะเปลี่ยนแปลงจุดจบที่ต้องพ่ายแพ้ยับเยินได้แล้ว "Nikador ต้องการทวงคืนชัยชนะที่สัญญาไว้ ส่วนข้า ก็ต้องมอบคืนกลับไปด้วยหอกและโลหิต" ท่ามกลางฝุ่นควันที่ฟุ้งตลบ ธงที่ขาดชำรุดยังคงมุ่งหน้าไปหา Nikador อย่างไม่หยุดยั้ง เหล่าทหารสังเกตเห็นว่า วีรบุรุษผู้ดวงแข็งเลือกที่จะไม่หวนกลับไปอีกแล้ว เริ่มแรกมีเพียงแค่สี่ห้าคนเท่านั้นที่ติดตามไป แต่ต่อมากลับกลายเป็นหลายสิบ หลายร้อยคน... พวกเขาติดตามเงาด้านหลังอันกว้างใหญ่นั้นไปอย่างใกล้ชิด และมุ่งหน้าสู่สนามรบแห่งความตาย เพื่อบุกโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย... สหายร่วมรบที่ล้มตายไป คล้ายจะกลายเป็นวิญญาณแห่งวีรชน แล้วกระซิบที่ข้างหูของพวกเขา เพื่อให้กำลังใจผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ให้สู้ศึกครั้งสุดท้ายจนสำเร็จ แม้ว่า Nikador จะบ้าคลั่งไปแล้ว แต่สัญชาตญาณก็ยังรับรู้ได้ถึงความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และเจตจำนงอันกล้าหาญของนักรบกลุ่มนี้ "ดูสิ! วีรบุรุษแห่งสนามประลองยังคงเดินหน้าต่อไป พวกเราก็ต้องตามติดไปอย่างใกล้ชิดด้วย!" เกราะที่เคลือบด้วยทองคำ ยังคงเปล่งประกายระยิบระยับ ภายใต้แสงอาทิตย์ยามย่ำสนธยา เขาพากองทัพก้าวไปสู่ความตาย อันทรงเกียรติและสมศักดิ์ศรี

Hero's Firechasing Shinguard
FOOT
เหล่าทหารเดินเข้าไปในซากปรักหักพังอย่างเงียบเชียบ และเริ่มเก็บกวาดสนามรบ บางคนลากร่างไร้ลมหายใจอย่างทุลักทุเล เพื่อแยกเพื่อนร่วมรบออกจากศัตรู บางคนคุกเข่าลงข้างๆ ร่างของเพื่อนร่วมรบที่เสียชีวิต และปิดเปลือกตาให้พวกเขาอย่างแผ่วเบา... เสียงร้องตะโกนในสนามรบเลือนหายไปนานแล้ว หลงเหลือไว้เพียงความเงียบสงัดที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดเท่านั้น... วีรบุรุษแห่งสนามประลองก็หลับใหลอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตนี้ด้วย และเหลือทิ้งไว้เพียงเกราะขาเคลือบทองคู่หนึ่ง ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางฝุ่นธุลีและโลหิต "จงจำไว้ว่า นักรบในสนามรบไม่เคยสูญสลายไปอย่างแท้จริง วิญญาณวีรชนของพวกเขาจะคงอยู่ในความทรงจำ ของคนรุ่นหลังตลอดไป" ต่อมา ความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงเพลงอันโศกเศร้า เหล่านักบวชค่อยๆ เดินเข้าสู่สนามรบ เพื่อทำพิธีศพให้แก่ผู้ที่สิ้นชีพในสมรภูมิ เปลวไฟลุกโชนขึ้นท่ามกลางราตรีอันมืดมิด เสียงคร่ำครวญยังคงดังก้องไม่หยุด... ทันใดนั้น บนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไปก็มีแสงสว่างเจิดจ้าทะลวงผ่าน ราวกับหอกทัณฑ์นภาพุ่งลงสู่พื้นดิน นั่นคือวิญญาณวีรชนของที่แห่งนี้ที่ Nikador เรียกมา ทหารและผู้คนที่มาร่วมพิธีศพพลันคุกเข่าลงกับพื้น ยกสองมือขึ้นสูง ในใจเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงและความซาบซึ้งใจ... แสงสว่างนั้นกลายเป็นกลิ่นอายแห่งความอบอุ่น ที่ค่อยๆ โอบอุ้มดวงวิญญาณของนักรบแต่ละคนเอาไว้ พร้อมกับกระซิบบอกพรและการให้อภัยของไททัน เพื่อประกาศถึงความเป็นอมตะชั่วนิรันดร์ของเหล่าวีรบุรุษ "ดูสิ แม้ว่าตัวจะตายไปแล้ว แต่วีรบุรุษแห่งสนามประลอง ก็ยังคงพาเหล่านักรบมุ่งหน้าสู่บ้านเกิดเมืองนอน" วีรบุรุษพยักหน้าอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางบทเพลงโบราณ จิตวิญญาณอันสูงส่งของเขา จะถูกหล่อหลอมขึ้นใหม่อีกครั้ง