
Poet of Mourning Collapse
2 Piece Set
DMG ควอนตัมเพิ่มขึ้น
4 Piece Set
ทำให้ความเร็วของผู้สวมใส่ ลดลง
Relic Pieces

Poet's Dill Wreath
HEAD
"Mnestia พวกเราขออธิษฐานต่อท่าน หากบนโลกไร้ซึ่งเสียงเพลง วสันต์ก็จะไร้ซึ่งเสียงบรรเลง และไพรวัลย์จะไร้ซึ่งบุปผาผลิบาน..." ใช้สายน้ำจากลำธารชะล้างสองมือ แล้วใช้สองมือตักน้ำใสเย็นมาถวายแด่เทพ เหล่ากวีพเนจรรวมตัวกันอยู่ที่หน้าวิหาร และต่างถกเถียงกันว่า ใครจะได้รับมงกุฎดอกไม้ที่ได้รับพรจาก Mnestia ไปครอง สามสาวพี่น้อง Parthia ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านบทกวีรัก ได้ขับขานบทเพลงออกมาก่อนใคร ตามมาด้วยกวีสูงอายุ Lupes ผู้ใช้สำนวนอุปมาอันยอดเยี่ยมมากมาย น้ำเสียงและถ้อยคำอันไพเราะหวานหู ไม่อาจทำให้เทพีรู้สึกประทับใจได้ จอกเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้า จึงไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง กวีพเนจรคนหนึ่งได้เล่นพิณเจ็ดสายในมือ และบรรเลงเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้บนกระดาษปาปิรุสโบราณ พายุทรายเมื่อพันปีก่อนพัดโหมกระหน่ำ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเช่นนี้ ในสมัยที่บนโลกยังมีเมืองต่างๆ อยู่มากมาย เคยมีเมืองแห่งหนึ่งถูกมังกรร้ายบุกโจมตี "ร่ำอาลัยแด่บ้านเกิดของข้า..." "สัตว์ประหลาดครองวัง ทายาทผู้สูงศักดิ์กลายเป็นผู้ชั่วร้าย" "ต้องโทษมังกรยักษ์ที่บุกเข้าไปในปราสาทตัวนั้น" "มันล่อลวงราชัน และกลืนกินเจ้าหญิงของดินแดน..." เครื่องดื่มรสเลิศถูกเทพีดื่มไปจนหมด กวีพเนจรกลายเป็นผู้ครอบครองมงกุฎดอกไม้

Poet's Gilded Bracelet
HAND
"เมื่อผู้คนขุดทองคำจากร่างของ Georios นี่คือโลหะอันโหดร้ายชิ้นแรก ทำให้เกิดแผนการร้ายและสงคราม นับตั้งแต่นั้นมา" ต้นตอของสงครามนั้นไม่อาจพิสูจน์ได้อีกต่อไป ประวัติศาสตร์มากมายกลายเป็นตำนาน ทว่าแม้จะเป็นเพียงตำนาน... แต่เห็นได้ชัดว่าความอวดดี เล่ห์เพทุบาย และความโลภต่างหาก ที่เป็นสาเหตุให้ผู้คนต่อสู้กันไม่หยุดหย่อน แต่กลับให้ทองคำผู้บริสุทธิ์แบกรับความผิดนั้นแทน เมื่อเทียบกับยุคสมัยที่ยังไร้เดียงสา และไม่รู้จักความขัดแย้ง เดิมทีเหล็กและสัมฤทธิ์นั้น ล้วนเป็นเครื่องประกอบพิธีบูชาเทพเจ้า แต่ต่อมากลับถูกผลักลงมาจากแท่นบูชา แล้วใช้หลอมเป็นอาวุธ จนกลายเป็นโลหะที่โหดร้ายยิ่งกว่าทองคำ มังกรยักษ์ในเรื่องเล่าถูกปราบไปแล้ว... สงครามระหว่างเมืองต่างๆ ก็ใกล้จะสงบลงแล้วเหมือนกัน กวีพเนจรเดินทางมาถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และขับขานเรื่องราวหลังจากนั้นให้ทุกคนฟัง หลังจากที่มังกรร้ายเข้ายึดครองเมือง ผู้คนก็รวบรวมผู้กล้าไปล่ามังกร เพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงออกมา "ร่ำอาลัยแด่บ้านเกิดของข้า..." "นักรบผู้ห้าวหาญใช้โซ่ตรวนทองคำอันหนักอึ้ง จนปราบซึ่งมังกรร้ายได้ในที่สุด" "เสียงร่ำไห้เศร้าโศกาของราชาผู้แก่ชรา ดังมาจากยอดปราสาทไม่หยุด..." "ในท้องของมังกร เหลือเพียงซากกระดูก... ที่พันผูกเป็นเจ้าหญิงผู้ถูกกลืนกิน" พู่ประดับของกำไลทองอันล้ำค่า กระทบกับสายของพิณ จนเกิดเป็นเสียงทอดถอนใจอันไพเราะ

Poet's Star-Studded Skirt
BODY
"ยาม Aquila ลืมตา ดวงดาราทั้งปวงล้วนหลับใหล เหลือเพียงดาวหนึ่งดวงในยามค่ำ ที่แอบจ้องมองมา นับว่ามันอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด" บทกวีเรื่องเล่าดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนถึงการเปลี่ยนผ่านทิวาราตรีครั้งที่สอง ข้างกายกวี มีผู้ฟังมารวมตัวกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดาผู้ฟังเหล่านั้นมีชาว Kremnos ที่ขึ้นชื่อเรื่องการยิงธนู และชาว Janusopolis ที่โยนไม้เสี่ยงทาย เพื่อสอบถามวิวรณ์แห่งทวยเทพรวมอยู่ด้วย นับตั้งแต่คลื่นทมิฬรุกรานเมืองต่างๆ เอกสารด้านประวัติศาสตร์ก็กระจัดกระจาย และหายไปเป็นจำนวนมาก เหล่านักวิชาการของลานพฤกษ์ไม่อาจรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้ทัน เมืองเล็กๆ หลายแห่งจึงไม่อาจรักษาชื่อไว้ได้ด้วยซ้ำ มีเพียงกวีพเนจรเท่านั้นที่รู้ว่า เมืองเก่าที่ถูกมังกรร้ายบุกโจมตี เคยมีการเล่าขานถึงวิชาเล่นแร่แปรธาตุอันลึกลับ ที่ใช้เลือดเนื้อเป็นรากฐาน และอาศัยสิ่งนี้มารังสรรค์สรรพสิ่ง จนสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นได้ นักเล่นแร่แปรธาตุได้กล่าวกับราชา ผู้สูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รักไว้เช่นนี้ "ร่ำอาลัยแด่บ้านเกิดของข้า..." "นักเล่นแร่แปรธาตุกล่าววาจาสวยหรู อ้างว่าตนคืนชีพเจ้าหญิงยอดพธู จากเลือดเนื้อของมังกรได้" "สิ่งที่ตายไปแล้ว แม้นมรณาทว่ายังไม่มอดม้วย สิบวันสิบคืนผ่านไปอีกครา" "พิธีกรรมสำเร็จลุล่วงในที่สุด ทว่า..." ดวงดาวยามค่ำคืนดวงสุดท้ายไม่ยอมหลับตาลง เพราะยังปรารถนาต่อเรื่องราวของเหล่ามนุษย์ ที่ตนยังฟังไม่จบ

Poet's Silver-Studded Shoes
FOOT
"ผู้คนไม่สามารถหาร่องรอยของ Thanatos ได้ รวมถึงแม่น้ำอนธการที่เล่าขานว่า ไม่มีมนุษย์เป็นๆ คนใด สามารถข้ามผ่านมันไปได้ หากแต่แม่น้ำสายนั้น ไหลไปสู่ที่ใดกัน?" พวกเราไม่เคยได้ยินเรื่องของมังกรยักษ์แบบนั้น ยิ่งกว่านั้นคือ ไม่เคยเห็นในเอกสารโบราณมาก่อนว่า มีพิธีกรรมคืนชีพด้วยเลือดเนื้อเช่นนี้อยู่ด้วย มีคนในกลุ่มผู้ฟังตั้งข้อสงสัยขึ้นมา กวีตอบว่า ตนไม่ใช่ทายาทคนสุดท้ายของเมืองเก่าแห่งนั้น และไม่รู้ด้วยว่าเคยมีมังกรยักษ์ชั่วร้ายอยู่จริงหรือไม่ นี่เป็นเพียงบทกวีที่ถูกเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น ที่เธอได้ยินมาจากกวีพเนจรรุ่นก่อนๆ เท่านั้น หากไม่มีใครเล่าขานต่อ ประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าคงถูกฝุ่นจับอย่างแท้จริง และทุกอย่างก็จะจางหายไปกับกาลเวลา เมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ถูกแม่น้ำอนธการกัดเซาะและกลืนกิน จนกลายเป็นสถานที่ที่แม้แต่สุนัขจรจัด และนกแร้งที่บินวนเวียนก็ยังรังเกียจ นี่คือคำสาปที่ดวงวิญญาณผู้ถูกมังกรร้ายกลืนกิน ได้เหลือทิ้งไว้ "ร่ำอาลัยแด่บ้านเกิดของข้า..." "โอ้ เจ้าหญิง! กลับกลายเป็นมังกรร้ายเสียแล้ว" "นางกลืนกินนักเล่นแร่แปรธาตุ นักรบผู้กล้าหาญ ราชาผู้เลอะเลือนจนหมดสิ้น" "งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเลือด ได้เรียกเงาแห่งความตายมาเยือน เมืองเก่าจึงล่มสลายไปด้วยเหตุฉะนี้..." จงจดจำชื่อของอาณาจักรที่ล่มสลายเอาไว้! นี่คือเรื่องราวของ "Styxia" ที่ถูกขับขานโดยกวีผู้สวมรองเท้าหมุดเงิน เธอเก็บรวบรวมเรื่องราวต่างๆ เพื่อที่เรื่องราวเหล่านั้น จะได้ทิ้งร่องรอยอักษรเอาไว้ ดุจดั่งหมุดเงินบนรองเท้า "จงจดจำเรื่องราวเอาไว้ และลืมเลือนข้าไปเสียเถิด"