Wastelander of Banditry Desert

เหล่า Wastelander แห่ง Talia ต้องสวมหน้ากากช่วยหายใจเอาไว้ตลอดเวลา เพราะรังสีและพายุทรายเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่ไปแล้ว และไม่ว่าใครก็ยากจะอธิบายได้ว่า หน้ากากช่วยหายใจที่ทำขึ้นเองนี้ มีหลักการวิทยาศาสตร์อะไร หรืออาจเป็นเพียงสิ่งที่มีไว้เพื่อความสบายใจเท่านั้น "รู้รึเปล่า? ในหุบเขามีของเก่า ที่มีสายยางเสียบอยู่บนหน้ากากด้วย! ถ้าต้องใช้มัน ฉันคงรับไม่ได้แหงๆ" เหล่า Wastelander เหมือนจะไม่ค่อยบ่นเกี่ยวกับสภาพอากาศเลวร้ายใน Talia นัก สาเหตุแรกเป็นเพราะพวกเขาเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยฝุ่นทรายมาตั้งแต่นิวเคลียร์ระเบิด ส่วนสาเหตุที่สองคือ พวกเขามองโลกในแง่ดีมาก เมื่อทรายสีแดงปกคลุมทั่วท้องฟ้า พวกเขาก็จะสวมหน้ากากกันฝุ่น แล้วรีบพุ่งไปยังรังโจรแห่งอื่นขณะที่ถูกห้อมล้อมด้วยพายุทราย ราวกับผีสางที่เข้ามาปล้นบ้านคน กลุ่มโจรที่เตรียมตัวพร้อมสรรพจะโจมตีกองโจรที่ไร้การเตรียมตัว นี่คือกฎการเอาตัวรอดของ Talia หน้ากากกันฝุ่นสวมใส่และถอดได้ไม่สะดวกนัก แถมยังมีเครื่องหมายของ "เมือง Nailscrap" เพื่อป้องกันการปลอมแปลงอยู่อีกด้วย

ก่อนที่จะกลายเป็นอาณาจักรแห่งโจร Talia นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามว่า "ที่ทิ้งขยะแห่งกาแล็กซี" ขยะทางเทคโนโลยีจากโลกต่างๆ จะได้พบกับประโยชน์ของตนอีกครั้งจากที่แห่งนี้ "อย่ามาหาว่าฉันชอบใส่อุปกรณ์ที่หนักยิ่งกว่ากุญแจมือนะ! เพราะสิ่งสำคัญก็คือ มันสุดยอดยิ่งกว่าค้อนซะอีก" หลังจากที่เมือง Nailscrap ได้ก่อตั้งขึ้น ในที่สุดเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นที่รกร้างผู้อุกอาจที่สุดแห่ง Talia ก็ได้พบกับสถานที่ปลอดภัยที่สามารถแสดงความสามารถของตนออกมาได้ พวกเขาสรรค์สร้าง "เทคโนโลยีอาศัยสัมผัส" อันเป็นเอกลักษณ์ของ Talia ขึ้นมา โดยนำเอาเครื่องคิดเลขซีเซียม และอุปกรณ์ AI เทอร์มินัลที่ชอบพูดจาร้ายกาจ มารวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็น "Desert Terminal" ซึ่งเป็นขยะอเนกประสงค์ ที่มีเฉพาะในที่ทิ้งขยะรกร้างเท่านั้น สิ่งที่เรียกว่าเป็นหัวใจหลักของ "เทคโนโลยีอาศัยสัมผัส" ก็คือ อย่าถามถึงหลักการ และห้ามถามหาจุดประสงค์ ไม่มีใครสนใจเรื่องแบบนี้หรอก "กล้าดียังไงถึงเอาฉันมารวมกับเศษขยะพวกนี้ พวกแกก็ไม่ต่างอะไรกับหนูเหม็นเน่าในท่อระบายน้ำหรอก" เสียงของ AI เทอร์มินัล ฟังดูแล้วช่างจริงใจ แต่ก็เผ็ดร้อนไม่น้อยเลยทีเดียว

โจรส่วนใหญ่ใน Talia ไม่เคยคาดหวังการไถ่บาป และยิ่งไม่รู้ด้วยว่านักบวชคืออะไร พวกเขาแค่รู้สึกว่าเสื้อคลุมตัวนี้ดูมีประโยชน์ และนำกลับไปใช้ปัดฝุ่นได้เท่านั้น "'ยุคแห่งราชาผู้ไม่รู้ยังไม่สิ้นสุด?' นี่มันคำพูดขี้หมูขี้หมาอะไรกัน!" เหล่า Wastelander ค้นพบอารามที่ถูกทิ้งร้างมานานและตำราโบราณ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสัมผัสได้ว่า บันทึกทางอารยธรรมนี้มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้โดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากที่สัมผัสถึงความเสแสร้งได้ พวกเขาก็เผาทุกอย่างทิ้งอย่างสุขใจ สิ่งเดียวที่ Wastelander นำไป ก็คือเสื้อคลุมที่นักบวชทิ้งไว้ เพราะสิ่งของที่เสียหายอื่นๆ ล้วนแต่ไม่มีค่าสำหรับเมือง Nailscrap แต่อย่างใด Wastelander ส่วนใหญ่ไร้อารยธรรม ไม่มีข้อมูลทางอารยธรรมใดที่มีประโยชน์ไปกว่าอาหารหนึ่งมื้อ เรื่องนี้ก็โทษพวกเขาไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังเหลือเสื้อคลุมของพวกนักบวชอยู่ มันก็คือการคงอยู่ของอารยธรรมรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

พวกอันธพาลในเมือง Nailscrap จำเป็นต้องมีวิธีการบางอย่าง เพื่อนำมาใช้ปกป้องแหล่งน้ำและขยะ ที่ได้มาอย่างยากลำบากของพวกเขา เทคโนโลยีฉบับจอมโจรจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ เกราะอันทรงพลังที่ดูดีแต่ไร้ประโยชน์ มีเพียงส่วนขาเท่านั้นที่ใช้งานได้จริง "ที่ฉันต้องการคือ เกราะทรงพลังส่วนบนแบบสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ดันบอกว่า เกราะส่วนบนระเบิดหมดแล้วงั้นเหรอ?! ไหนลองถามตัวเองดูซิว่ากล้าใช้เกราะขาอันนี้รึเปล่า?" การต่อสู้เพื่อปกป้องเมือง Nailscrap เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทั้งนี้ยังเกิดการพัฒนา "เทคโนโลยีอาศัยสัมผัส" ในช่วงสงครามอีกด้วย แม้แต่วัสดุและงานฝีมือที่ไม่รู้ที่มา ก็ยังสามารถนำมาสร้างเป็นเกราะอันทรงพลังได้ แต่น่าเสียดาย เกราะทรงพลังรุ่นแรกที่ทำมาจากเศษเหล็ก กลับเหลือเพียงเกราะส่วนขาเท่านั้น และถึงแม้จะลดความซับซ้อนลงไปมากแล้ว แต่มันก็ยังทำให้ผู้ที่สวมใส่ออกตัวได้ราวกับจรวดเช่นเดิม แม้แต่วิศวกรก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร นักออกแบบได้อธิบายว่า: นี่คือการออกแบบที่เสร็จสิ้นระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นผลงานจากแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต ขยะที่นำมาใช้งานได้ก็คือขยะที่ดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นขยะรีไซเคิลหรือขยะอันตรายก็ตาม