Giant Tree of Rapt Brooding

Giant Tree of Rapt Brooding

2 Piece Set

ทำให้ความเร็วของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 6% เมื่อความเร็วของผู้สวมใส่มากกว่า หรือเท่ากับ 135/180 จะทำให้ปริมาณการรักษาของผู้สวมใส่ และภูตความทรงจำของผู้สวมใส่ เพิ่มขึ้น 12%/20%

Relic Pieces

Grove of Epiphany's Pondering Colossus
Grove of Epiphany's Pondering Colossus
NECK
เพื่อแสวงหาความหมายทางจิตวิญญาณของความศรัทธาใน Mnestia "นักวิชาการคนแรก" Thalesus ในวัยผู้ใหญ่ จึงเริ่มตระเวนไปทั่วดินแดน Amphoreus อันกว้างใหญ่ โดยเริ่มจากเมืองชายฝั่ง Mileutus ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ระหว่างเดินทางแสวงบุญ เรื่องราวไม่ปกติและเหตุการณ์ประหลาดต่างๆ ทำให้เขาเกิดความคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และต้นกำเนิดของโลก เมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง เขาได้เข้าพบ "กิ่งก้านแตกแขนง" และบรรลุวิธีการทำความเข้าใจโลกของตนต่อหน้าต้นไม้ใหญ่ หลังจากนั้น Thalesus จึงสร้างลานขึ้นมาใต้ต้นไม้ใหญ่ และตั้งชื่อว่า "ลานพฤกษ์ปราชญา" เพื่อให้ผู้คนได้ตื่นรู้ แสวงหาความรู้ และเข้าใจเหตุผล ความรู้สึกนึกคิด Cerces (ไททันแห่งเหตุผล) นั้น บ้างก็บันทึกลงในม้วนกระดาษอย่างเปิดเผย บ้างก็กลายเป็นพืชพรรณต่างๆ อย่างเงียบๆ... เสียงเอะอะของลานพฤกษ์จึงเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ ท่ามกลางเสียงดังเซ็งแซ่ของการแลกเปลี่ยนและการถกเถียงกัน ก็ได้ทำให้เกิดการแบ่งแยกออกเป็นสำนักต่างๆ ขึ้น แม้ว่าสำนักต่างๆ จะมีแนวทางการศึกษาที่แตกต่างกัน แต่ใช่ว่าจะไม่มีจุดที่เกี่ยวข้องกันเลย... เช่นเดียวกับกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ที่แตกแขนงออกไป ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการซ้อนทับกันได้... ท่ามกลางการถกเถียงกันไปมา และการสืบทอดทฤษฎีความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ภูมิปัญญาที่ "นักวิชาการคนแรก" ทิ้งไว้และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ได้พัฒนาไปเป็นกระแสความคิดอันหลากหลาย ซึ่งมีเจ็ดนักปราชญ์เป็นผู้นำ และมีเจ็ดสำนักเป็นหลัก "ความรู้ทั้งหลายบนโลก ควรกลายเป็นใบไม้ในลานพฤกษ์ อาศัยความเขียวขจีบดบังแสงอาทิตย์ และช่วยให้ต้นไม้ใหญ่เจริญงอกงาม" เมืองที่ร้องขอปัญญาจากลานพฤกษ์ ย่อมต้องมอบความรู้ที่เท่าเทียมด้วยเช่นกัน และเมื่อความคิดมากมายกลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยง หน่อใหม่และใบอ่อนนับไม่ถ้วนจึงจะงอกขึ้นมาได้ ร้อยปีภาสุรคติที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคาราวานสินค้า ที่เดินทางผ่านช่องเขาของลานพฤกษ์ หรือเรือสินค้าที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือของลานพฤกษ์... หนังสือหรือตำราใดๆ ก็ตามที่พบว่าบันทึกความรู้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นของชาติไหน หรือภาษาใด ล้วนถูกนำไปเก็บไว้ในหอสมุดลานพฤกษ์ทั้งสิ้น นักวิชาการของลานพฤกษ์หรือว่า "โจร" ใช้วิธีการต่างๆ เช่น การรับซื้อในราคาสูง การจ้างคนคัดลอก หรือแม้กระทั่งการปล้นชิง เพื่อทำให้ลานพฤกษ์กลายเป็น "สถานศึกษาที่ดีที่สุดใน Amphoreus" เหล่านักวิชาการของลานพฤกษ์ อาศัยการศึกษาค้นคว้าเป็นอุปกรณ์ประกอบพิธี ใช้การคิดวิเคราะห์แสดงความเคารพ และเทิดทูนบูชาเหตุผลอันล้ำเลิศในโลก เริ่มต้นจากพืชพรรณ แล้วกลับคืนสู่จิตวิญญาณแห่งพฤกษา หยาดรุกขหทัย รวบรวมความรู้ทั้งหมดที่ไหลมาจากโลก โดยที่ Cerces (ไททันแห่งเหตุผล) จะสดับฟังเสียงสถานศึกษาที่ดังเซ็งแซ่ขึ้นเรื่อยๆ และครุ่นคิดเงียบเชียบมาโดยตลอด
Grove of Epiphany's Interwoven Veins
Grove of Epiphany's Interwoven Veins
OBJECT
ความนึกคิดของลานพฤกษ์ปราชญา กิ่งก้านบนต้นไม้ยักษ์ สายใยนำไปสู่ข้อโต้แย้งต่างๆ มากมาย ราวกับกิ่งก้านที่แตกแขนงออกไป แม้จะเป็นอิสระต่อกัน แต่กลับเติบโตเป็นพุ่มเกี่ยวพันกัน สุดท้าย ก็รวมกันเป็นเรือนยอดที่ทำให้ต้นไม้ยักษ์เป็นพุ่มเขียวชอุ่ม กิ่งก้านหนึ่งชี้ก้านใบมาที่ตัวเองจนพันกันยุ่งเหยิง ผู้เดินทางฝึกตนของ "สำนักนิโลบลโภชนา" ชื่นชอบในความลึกลับของลวดลายบนต้นไม้และดอกไม้ จึงพรรณนาถึงพืชพรรณและสรรพสิ่งต่างๆ ว่าเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดและจับต้องได้ง่าย การฝึกฝนอันยากลำบากที่พวกเขามุ่งมั่นทุ่มเท คือแนวทางปฏิบัติในการประสานสรรพสิ่งบนโลกให้กลมกลืนกัน... พวกเขามองว่า การฝึกตนไม่ใช่วิธีการละทิ้งตัวเอง แต่เป็นทางลัดสู่การรู้จักตัวเองต่างหาก หนึ่งในนั้นมีกิ่งก้านที่อุดมสมบูรณ์จนออกผลเต็มกิ่ง นักวิชาการของ "สำนักแพะสิงขร" เชี่ยวชาญด้านการศึกษา เพาะพันธุ์ และอนุรักษ์สัตว์หายาก... ภาพลักษณ์ที่น่าเอ็นดูมากมายของไคเมร่า คือวิธีการเล็กๆ น้อยๆ ในการสำรวจสิ่งมีชีวิตต่างๆ ของพวกเขา กิ่งก้านหนึ่งบิดงอเป็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ทั้งแม่นยำและงดงาม นักวิชาการของ "สำนักเงื่อนคำนวณ" กล่าวว่า "สรรพสิ่งคือตัวเลข" กล่าวคือ... ทุกสิ่งสามารถใช้ตัวเลขส่องสะท้อนได้ ในฐานะที่เป็นสำนักแรกที่รวมตัวขึ้นในลานพฤกษ์ พวกเขาจึงยืนหยัดรักษามาตรฐานของสถาบันเป็นอย่างยิ่ง โดยกำหนดว่า "นักวิชาการที่ไม่รู้เรขาคณิต จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสำนัก" และยังยกย่องว่าคณิตศาสตร์คือวิธีการที่ Cerces (ไททันแห่งเหตุผล) ใช้ปกครองโลกอีกด้วย กิ่งก้านหนึ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ และทนทานเป็นอย่างยิ่ง "สำนักเคลื่อนศิลา" กำหนดให้ก่อนเข้ารับการศึกษา นักวิชาการต้องแกว่งเชือกโยนหิน ขว้างหินทรงกลมให้พ้นจากขอบเขตที่กำหนด เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองมีความตั้งใจที่จะ "แสวงหาจุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ" ในด้านการฝึกฝน การวิเคราะห์แยกแยะ รวมถึงกิจกรรมการแข่งขัน กิ่งก้านหนึ่งเดี๋ยวก็ห้อยลง เดี๋ยวก็ตั้งขึ้น ถ่ายทอดสุนทรียะอันบริสุทธิ์สู่การรับรู้ "สำนักภาชนะจิต" มองว่าการศึกษาศิลปะและความรู้สึก ถือเป็นบ่อเกิดของการคิดเชิงตรรกะ และเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่ได้รับจากประสาทสัมผัสโดยตรงนั้นแม่นยำที่สุด และสามารถเข้าถึงโลกได้กว้างขวางยิ่งขึ้น เหนือเรือนยอดที่เป็นพุ่มเขียวชอุ่ม กิ่งก้านที่ซื่อตรงและน่าเคารพบูชานั้น เหมาะกับพิธีบูชาที่สุด มันเกิดจากลำต้นหลักของต้นไม้ใหญ่ "สำนักสักการะ" ที่เชี่ยวชาญพิธีกรรมของไททันและการใช้ปาฏิหาริย์ของพวกเขา จึงถูกเรียกว่า "เปลของนักการเมืองแห่ง Amphoreus" พวกเขาไม่เพียงเป็นผู้นำในพิธีกรรมความเชื่อของลานพฤกษ์ แต่ผลงานของพวกเขายังแทรกซึมเข้าไปในด้านต่างๆ ของ Amphoreus ด้วย แต่กลับมีกิ่งอ่อนอันแหลมคมที่เพิ่งงอกเงย เกิดมาเพื่อต่อสู้กับมันเช่นกัน... "สำนักเมล็ดพันธุ์ปัญญา" สืบทอดทฤษฎีเกี่ยวกับจิตวิญญาณมาจาก "นักวิชาการคนแรก" เชี่ยวชาญทฤษฎีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการยกระดับสิ่งมีชีวิตและสรรพสิ่งต่างๆ โดยเพิ่งก่อตั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ แต่กลับมีความคิดที่เฉียบคมที่สุด และทฤษฎีหลักของสำนักนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตและวัตถุทั้งหลาย นักปราชญ์ทั้งเจ็ดของเจ็ดสำนักใหญ่ ต่างควบคุมดูแลสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องของตนเอง ตามหลักแล้วไม่มีการแบ่งแยกลำดับก่อนหลัง... ส่วนต้นไม้ยักษ์แห่งเหตุผล มีตำแหน่งเป็นผู้นำในนามของเจ็ดนักปราชญ์ ซึ่งทำหน้าที่แผ่กิ่งก้านสาขาของความรู้และเหตุผลออกไปทั่วโลก ท่ามกลางเสียงถกเถียงที่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน